รายการพระเครื่อง

ชื่อ เขี้ยวเสือหลวงพ่อสาย
ชื่อพระ เขี้ยวเสือหลวงพ่อสาย
รายละเอียดพระ เขี้ยวเสือหลวงพ่อสาย ศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย(วัดมงคลโคธาวาส) เขี้ยวตัวนี้แกะจากเขี้ยวเสือซึ่งจะพบเจอและหายากมากๆ เพราะส่วนมากจะพบเจอที่แกะจากเขี้ยวหมีและกระดูกเป็นส่วนมาก แทบไม่มีให้เห็นในวงการ เขี้ยวเสือตัวนี้มีขนาดเล็กน่ารัก ใกล้เคียงเสือหลวงพ่อปาน มีความสวยและสมบูรณ์มากๆ ง่ายต่อการพิจรณาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนอื่นเรามารู้ประวัติเล็กน้อยของคณาจารย์ยุคต้นๆของสาย วัดบางเหี้ย หรือวัดมงคลโคธาวาส กันก่อน...หลวงพ่อถัน เป็นเจ้าอาวาสก่อนหลวงพ่อปาน โดยมีหลวงพ่อปาน กับหลวงพ่ออิ่มดูแลการสอนกัมมัฎฐาน หลวงพ่อเรือนดูแลอุบาสก อุบาสิกา และแม่ชีต่อมาหลวงพ่อปานเป็นอุปปัชฌาย์ โดยมีพระรุ่นน้องร่วมยุคคือ พระครูสุทธิรัตน์(หลวงพ่อทอง) เป็นพระกรรมวาจารย์ และหลวงพ่อเรือน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีรูปถ่ายอ้างอิงอยู่ที่วัด ประวัติลำดับเจ้าอาวาสของวัด มีจำนวน๗รูป คือ รูปที่๑ หลวงพ่อถันรูปที่๒ พระครูพิพัฒนิโรธกิจ (หลวงพ่อปาน) รูปที่๓ หลวงพ่อเรือน รูปที่๔ พระครูสุทธิรัตน์ (หลวงพ่อทอง)พ.ศ.๒๔๕๔ - ๒๔๗๒ รูปที่๕ พระปลัดแวว พ.ศ.๒๔๗๓-๒๔๗๗ รูปที่๖ พระครูมงคลสาธุวัฒน์ (ชื่นธมฺมโชติ)พ.ศ.๒๔๗๗-๒๕๒๐ รูปที่๗ พระอธิการบรรจง เสตวณโณ อายุ๔๖ ปี พรรษา๒๖ ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ พ.ศ๒๕๒๐ ครั้นพอหลวงพ่อปาน ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส มีหลวงพ่อเรือนเป็นรองเจ้าอาวาส นอกจากหลวงพ่อเรือน ที่เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานแล้ว ยังมีหลวงพ่ออีกท่านหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน คือหลวงพ่อสาย ที่คนพื้นที่มักเรียกว่าหลวงตาสายศิษย์หลวงพ่อปาน…หลวงพ่อสาย พุทธเสฎโฐ วัดบางเหี้ย ศิษย์หลวงพ่อปาน ท่านก็สร้างเสือ ปลุกเสกเขี้ยวเสือตามแต่ผุ้คนจะนำมาถวาย ชาวคลองด่านจะหาเขี้ยวเสือแล้วนำไปให้ ช่างแสวง(ตาแหวง) คลองนางหงษ์ หริอช่างไสว(ตาไหว) ประตูน้ำชลหารพิจิตร แกะเป็นรูปเสือแล้วนำมาถวายให้ จะสร้างมากหน่อยในสมัยหลวงพ่อชื่น เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อชื่น เป็นเจ้าอาวาสลำดับที่ ๖ สมัยปี พ.ศ. ๒๔๗๗ - ๒๕๒๐ “พระครูมงคลสาธุวัฒน์ (ชื่นธมฺมโชติ)” หลวงพ่อสายปลุกเสกลงเหล็กจารเอง เพราะท่านก็เป็นหนึ่งในศิษย์เอกของหลวงพ่อปาน คนพื้นที่จะเรียกกันว่า เสือหลวงตาสาย คนพื้นที่ก็เคารพท่านมาก แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจเสือของท่าน เพราะแต่ละบ้านมีเสือหลวงปานกัน จะเล่นหากันมากเหมือนกันก็เฉพาะแต่คนย่านบางปู เพราะคนย่านนั้นแขวนเสือที่หลวงพ่อสายปลุกเสก เกิดประสบการณ์โดนยิงหลังเสื้อทะลุ แต้ก็ไม่ระคายผิวแต่ก็ช้ำ กระสุนไม่เข้าแต่ช้ำจากแรงกระแทกปะทะ ของกระสุนจนเสือหลวงพ่อสายโด่งดังข้ามไปถึงบางปู และจากประวัติ ที่ผม”วัต ท่าพระจันทร์®” ได้เคยพูดคุยสอบถามจากคนเก่าแก่พื้นที่ได้ความว่า หลวงพ่อสายน่าจะมีอายุอยู่ถึงราวๆปี พ.ศ.๒๕๑๐ โดยประมาณ.คราวนี้เรารู้ประวัติอย่างย่อๆ และวิธีการศึกษา ของต้นตำหรับการสร้างเสือกันต่อไป... ตามคำโบราณท่านว่าไว้ว่าพระเกจิที่สร้างเสือได้ต้องมีตบะและบารมีชั้นสูง ไม่งั้นผู้ที่สร้างจะสติฟั้นเฟือน (เป็นบ้า) เมื่อหลวงพ่อปานอายุครบบวชจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดอรุณราชวรารามนั่นเอง โดยมีท่านเจ้าคุณศรีศากยมุนีเป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน รวมถึงไสยศาสตร์ ท่านได้รับการถ่ายทอดจากคณาจารย์หลายองค์จนเชี่ยวชาญ ภายหลังได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดบางเหี้ยนอก ปัจจุบัน เรียกว่าวัดมงคลโคธาวาส โดยมีพระที่เป็นสหายสนิทตามมาด้วยองค์หนึ่งชื่อ หลวงพ่อเรือน หลังออกพรรษาท่านและพระเรือนเริ่มออกธุดงค์ไปสถานที่ต่างๆ หลวงพ่อปานและหลวงพ่อเรือนได้ดั้นด้นไปจนถึง"วัดอ่างศิลา" อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี และได้ฝากตัวเป็นสานุศิษย์ของ"หลวงพ่อแตง" เจ้าอาวาสวัดอ่างศิลา โดยศึกษาด้านวิปัสนาธุระ ไสยเวทย์มนต์ต่าง ๆ จนเชี่ยวชาญและสร้างชื่อเสียงให้หลวงพ่อปานเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะ " เขี้ยวซึ่งแกะเป็นรูปเสือนั่ง " เมื่อมีความเชี่ยวชาญแล้วจึงได้อำลาพระอาจารย์ "หลวงพ่อแตง" มาพำนักอยู่ที่วัดบ้านเกิดตนเองพร้อมด้วยพระอาจารย์เรือน เพื่อนสหาย ณ วัดบางเหี้ย (ปัจจุบันคือวัดมงคลโคธาวาส) และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสโดยมีหลวงพ่อเรือนเป็นรองเจ้าอาวาส ซึ่งทั้งสองรูปได้ปกครองพระลูกวัดทั้งด้านการศึกษาและการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดมาตลอด และในระหว่างที่หลวงพ่อปานและหลวงพ่อเรือนได้ธุดงค์ไปนั้นยังมีพระอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่ดั้นด้นไปเรียนคือ หลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้ง จังหวัดระยอง (ซึ่งได้พบกันในระหว่างธุดงค์) ได้ชวนกันไปเรียนวิทยาคมการปลุกเสกเสือ จากหลวงพ่อแตง วัดอ่างศิลาเป็นปรมาจารย์เจ้าตำหรับในการสร้างเขี้ยวเสือแกะที่มีฤทธิ์และโด่งดังมากๆท่านหนึ่งพร้อมกันขณะที่เรียนอยู่นั้น เมื่อเรียนจนถึงขั้น ก็ต้องมีการทดลองพิสูจน์ดู โดยเอาเสือใส่บาตร ให้เอาไม้พาดไว้ ปลุกเสกจนเสือออกมาจากบาตร หายเข้าป่าไป ถ้าใครภาวนาเรียกเสือกลับมาได้ก็จะให้เรียนต่อไป ถ้าเรียกกลับมาไม่ได้ ก็จะไม่ให้เรียน หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย ปลุกเสกเสือออกจากบาตรเข้าป่าไปได้ และเรียกกลับมาได้ ส่วนหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้ง ปลุกเสกเสือออกมาได้เข้าป่าไปเช่นกัน แต่เรียกเท่าไรๆ ก็ไม่กลับ ก็เป็นอันว่าหลวงพ่อปานเรียนต่อจนสำเร็จองค์เดียว หลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้งก็ต้องพักจากการเรียนเสือ (เหตุเพราะตบะทางมหาอำนาจยังไม่กล้าเกร่ง แต่โดดเด่นทางเมตตา) หลวงพ่อแตงท่านก็จึงให้หันมาเรียน สร้าง และปลุกเสกแพะ จนสำเร็จ เมื่อได้วิทยาคมนี้ต่อมาก็มาเป็นอาจารย์ของหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก จังหวัดระยอง หลวงพ่ออ่ำนี่มีชื่อเสียงมากในการสร้างแพะ จนได้สมญาว่า หลวงพ่ออ่ำแพะดัง และหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้งนี้ ก็ยังเป็นอาจารย์ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง ผู้โด่งดังมากในปัจจุบันนี้เช่นกัน หมายเหตุ หลวงพ่อเรือน พระที่เป็นสหายสนิทของหลวงพ่อปานในครั้งที่ออกธุดงค์ไปด้วยนั้น ก็ได้มีสวนรู้เห็นและได้เรียนวิชากับหลวงพ่อแตงด้วย แต่ก็เรียนแค่เพียงน้อยนิด ไม่ถึงกับจบหรือแตกฉาน อาจเพราะเกรงใจหรือเคารพพระสหายที่เป็นรุ่นพี่ที่ไปด้วยอย่างหลวงพ่อปานจึงทำให้ไม่ได้เรียนจนจบ แต่กระนั้นหลวงพ่อเรือนก็เรียนจบวิชาสร้างเสือปลุกเสกเสือจนได้ ด้วยการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อปานอีกที ดังนั้นหลวงพ่อเรือนจึงเป็นทั้งศิษย์ของหลวงพ่อแตง และยังเป็นทั้งศิษย์ และเป็นทั้งเพื่อนของหลวงพ่อปาน อีกด้วยนั่นแล นะเพื่อนเอย เป็นความรู้ที่ควรค่าต่อการศึกษา และจดจำ วัต ท่าพระจันทร์ (กรุณานำบทความออกไปพร้อมเครดิต) “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “
หมวดหมู่ เครื่องราง
ร้านพระ

โชคเจริญทรัพย์

เบอร์โทรศัพท์ 0866278195 ID LINE 0866278195
เมื่อวันที่ 2020-08-19
ยอดเข้าชม 1,404 ครั้ง
สถานะ โชว์พระ
Scroll