ชื่อพระ | พระปิดตาพ่อท่านมุ่ย |
รายละเอียดพระ | เชิดชูครูบาอาจารย์ รูปถ่ายพ่อท่านมุ่ย วัดป่าระกำเหนือ นครศรีธรรมราช ประวัติพ่อท่านมุ่ย พระครูนิโครธจรรยานุยุต (มุ่ย จนฺทสุวณฺโณ) พระครูนิโครธจรรยานุยุต (มุ่ย จนฺทสุวณฺโณ) นามเดิมชื่อมุ่ย สกุล ทองอุ่น บิดาชื่อ นายทองเสน ทองอุ่น มารดาชื่อ นางคงแก้ว ทองอุ่น เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๔ เมษายน ๒๔๔๒ ณ บ้านป่าระกำ หมู่ที่ ๖ ตำบลป่าระกำ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พระครูนิโครธจรรยานุยุต ได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ ณ วัดป่าระกำเหนือ อำเภอปากพนัง สอบได้นักธรรมเอกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑ ณ สำนักเรียนวัดมุมป้อม อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ใน พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดป่าระกำเหนือ และเป็นเจ้าคณะตำบลป่าระกำ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระครูนิโครธจรรยานุยุต เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๘ พระครูนิโครธจรรยานุยุต เป็นพระวิปัสสนาธุระ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นเลิศ นอกจากนั้นยังมีความรู้ด้านต่างๆ อีกมาก เป็นหมอยาสมุนไพร เป็นผู้รู้เวทมนต์คาถา เป็นพระนักเทศน์ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เคารพนับถือของคนทั่วไป สถานที่จำพรรษาของพ่อท่านมุ่ย ๑. วัดป่าระกำเหนือ พ.ศ.๒๔๖๒-๒๔๖๓ ต.ป่าระกำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ๒. วัดถ้ำเขาพลู พ.ศ.๒๔๖๔-๒๔๗๑ ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร ๓. วัดมุมป้อม พ.ศ.๒๔๗๑-๒๔๗๖ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช (ยกเว้นพ.ศ.๒๔๗๓) ๔. วัดหมน พ.ศ.๒๔๗๓ ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ๕. วัดป่าระกำเหนือ พ.ศ.๒๔๗๗-๒๕๑๘ ต.ป่าระกำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ๖. วัดบางบูชาชนาราม พ.ศ.๒๕๑๙-๒๕๒๒ ต.เกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ๗. วัดคลองน้อย พ.ศ.๒๕๒๒-๒๕๒๔ ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ๘. วัดป่าระกำเหนือ พ.ศ.๒๕๒๕-๒๕๓๕ ต.ป่าระกำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) โปรดเกล้าฯ ให้พระครูนิโครธจรรยานุยุต เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้โปรดเกล้าฯ นิมนต์พ่อท่านมุ่ยไปเฝ้าที่โรงปูนซิเมนต์ไทยทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในโอกาสนั้น พ่อท่านมุ่ยได้มอบพระปิดตา และพระประทานพรให้ และยังได้ฝากพระปิดตาและพระประทานพรไปให้สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ โดยใช้เวลาในการสนทนาธรรมรวมประมาณ ๔๐ นาที พระนักพัฒนา เมื่อพระอุปัชฌาย์เพชร เจ้าอาวาสวัดป่าระกำเหนือ ถึงแก่มรณภาพ คณะศรัทธาธรรมและญาติโยม ได้พร้อมใจกันนิมนต์พ่อท่านมุ่ยจากวัดมุมป้อม มาเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดป่าระกำเหนือ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๗ เมื่อพ่อท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าระกำเหนือ พ่อท่านก็เริ่มพัฒนาวัดโดยการเป็นประธานการก่อสร้างถนน พระวิหาร พระอุโบสถ และยังได้เปิดโรงเรียนสอนปฏิบัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร โดยที่พ่อท่านมุ่ยเป็นผู้สอนเองอยู่หลายปี นอกจากนั้นยังได้ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านป่าระกำ ในการพัฒนาลำคลอง ถนนหนทาง และถาวรวัตถุภายในหมู่บ้าน โดยไม่ต้องรองบประมาณจากทางราชการ โดยส่วนตัวของพ่อท่านมุ่ยแล้ว ท่านได้บริจาคทุนทรัพย์ให้กับโรงเรียนประชาบาลหลายสิบโรงเรียนในท้องที่อำเภอปากพนัง ส่งเสริมการศึกษาและการประกอบอาชีพของชาวบ้าน จนทุกคนเรียกท่านติดปากว่า “พ่อท่านมุ่ย” วัตรปฏิบัติ พ่อท่านมุ่ยเป็นพระเถระที่หมั่นเพียร ในการประกอบกิจทางศาสนา ทำวัตร สวดมนต์ ทำสังฆกรรม และรับนิมนต์โดยไม่เลือกว่าเป็นใคร มาจากไหน อย่างทั่วหน้า หากไม่ขัดต่อบทบัญญัติทางพระวินัย คลองใหม่พ่อท่านมุ่ย คลองใหม่พ่อท่านมุ่ย เป็นคลองขุดอยู่ในพื้นที่ตำบลชะเมา เป็นคลองที่ขุดเชื่อมระหว่างคลองชะเมาที่บ้านโอขี้นาก และเชื่อมกับคลองค้อที่บ้านหัวสวน เริ่มขุดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ และขุดเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ มีความยาวประมาณ ๔ กิโลเมตร ผู้ดำเนินการขุดคลองนี้คือ พระครูนิโครธจรรยานุยุต (มุ่ย จนฺทสุวณฺโณ) ขุดโดยใช้แรงงานคน ส่วนมากเป็นคนในพื้นที่ตำบลชะเมา ตำบลเกาะทวด อำเภอปากพนัง และตำบลเชียรเขา อำเภอเชียรใหญ่ โดยมี กำนันและผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้รับผิดชอบ “ออกปาก” คนในหมู่บ้านไปขุด เริ่มแรกคลองมีขนาดกว้าง ๒ เมตร ลึก ๑ เมตร คนทั่วไปเรียกชื่อคลองนี้ว่า “คลองใหม่พ่อท่านมุ่ย” ตามชื่อของผู้ดำเนินการขุดคลองใหม่พ่อท่านมุ่ย มีประโยชน์ในด้านคมนาคมระหว่างคลองค้อกับคลองชะเมา แต่เดิมนั้นการเดินทางจากคลองค้อไปคลองชะเมาต้องไปออกทางบ้านเกาะแก ตำบลชะเมา คลองใหม่พ่อท่านมุ่ยจึงช่วยย่นระยะทาง และช่วยให้การเดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปบ้านหัวสะพานชะเมา บ้านเสาธง ในหน้าน้ำชาวบ้านเข้าไปหาไม้ในป่าพรุ และล่องแพมาทางคลองนี้ และยังมีประโยชน์ ในด้านการเกษตรกรรม มีน้ำใช้ เพื่อการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะเพื่อการทำนา เพราะทั้งสองฝั่งคลองนี้เป็นพื้นที่นาทั้งหมด คลองใหม่พ่อท่านมุ่ย บ่งบอกถึงวิสัยทัศน์พระนักพัฒนา ผู้นำและบารมีของพ่อท่านมุ่ยอย่างแท้จริง เป็นคลองประวัติศาสตร์ที่น่าภาคภูมิใจ คำสอนของพ่อท่านมุ่ย “ คบพระให้เรียนพระวินัย คบข้าราชการไทยให้เรียนกฎหมาย คบนักบุญให้เรียนธรรมะ คบอันธพาลให้เรียนพระเวท ” คำขวัญของพ่อท่านมุ่ย ในการถมพื้นที่วัด “ เดินเข้าในวัด สองหัตถ์ถือดิน หญิงชายทั้งสิ้น ขอดินถมวัด ” คำขวัญนี้ได้เขียนไว้ที่แผ่นป้ายทางเข้าวัด พ่อท่านมุ่ยไม่สรงน้ำแต่ไม่มีกลิ่นตัว ประมาณก่อนปี ๒๕๐๐ พ่อท่านมุ่ยไปธุดงค์ที่จังหวัดพัทลุง ได้สรงน้ำร้อนที่บ่อน้ำร้อนแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง ได้อธิษฐานจิตว่า ตั้งแต่บัดนี้จะไม่สรงน้ำ ด้วยความสัจขออย่าให้สบง จีวร และตัว มีกลิ่นเป็นอันขาด จากบัดนั้นเป็นต้นมา พ่อท่านมุ่ยก็ไม่สรงน้ำอีกเลย แต่สบง จีวร และตัวก็สะอาด และไม่มีกลิ่นเลย พ่อท่านมุ่ยไม่สรงน้ำเป็นเวลากว่า ๔๐ ปี นี่คือ อธิษฐานบารมี พ่อท่านมุ่ย อบรมนักโทษ พ่อท่านมุ่ยได้รับการแต่งตั้งให้อบรมบุคคลอันธพาล ให้กลับใจเป็นพลเมืองดี ทั่วภาค ๘ เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ สมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี นักโทษผู้ใดจะมอบตัวให้มอบตัวกับพ่อท่านมุ่ย แล้ว โทษต่างๆ ที่มีอยู่จะหมดคดีไปโดยปริยาย ทั้งนี้ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ถวายเงินสนับสนุนในการดูแลนักโทษ เดือนละ ๓,๐๐๐ บาท พ่อท่านมุ่ย จนฺทสุวณฺโณ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูนิโครธจรรยานุยุต เป็นกรณีพิเศษ ในนามคณะรัฐบาลสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยนั้นบรรดานักโทษที่ต้องขังอยู่ในเรือนจำปากพนัง หากพ่อท่านมุ่ยต้องการขอตัวมาช่วยทำงานในวัด ทางการจะอนุมัติให้ตามคำขอทุกครั้ง เพราะมีความเชื่อมั่นในพ่อท่านมุ่ยว่าสามารถอบรมสั่งสอนนักโทษเหล่านั้นให้กลับตัวเป็นคนดีได้ ใครก็ตามที่ให้สัญญากับพ่อท่านมุ่ยว่าจะกลับตัวเป็นคนดี ทุกคนจะปลอดภัยทุกประการ ขนาดบางคนถูกทางการสั่งให้จับตาย หากมีบัตรพ่อท่านมุ่ยเป็นเครื่องประกันว่าเขาได้กลับตัวเป็นคนดีแล้ว ก็จะรอด ปลอดภัย จึงทำให้บรรดาผู้ประพฤติผิด ตลอดจนนักโทษทุกคน กลับตัวเป็นคนดี และให้ความเคารพนับถือพ่อท่านมุ่ยมาก แต่ถ้าหากทางการต้องการตัวบุคคลนั้นจริงๆ พ่อท่านมุ่ยก็จะส่งตัวไปให้ได้ภายใน ๗ วัน ไม่ว่าผู้นั้นจะก่อคดีปล้นฆ่าหรือคดีอุกฉกรรจ์อื่นใดก็ตาม เป็นที่กล่าวขานจนรู้กันไปทั่วปากพนัง ตลอดจนหัวไทร เชียรใหญ่ ชะอวด ทำให้นายอำเภอเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในการเสียสละช่วยเหลือให้คนเป็นคนดีในสังคมของท่านเป็นอันมาก ในการนี้ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มอบพัดประจำตำแหน่ง เครื่องหมายตราสิงห์คู่ให้กับพ่อท่าน ๑ เล่ม พัดเล่มนี้ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่หน้า***บศพพ่อท่าน และจอมพล ป.พิบูลสงคราม บอกว่ามีเล่มเดียวในประเทศไทย นักโทษในขณะนั้นมีประมาณ ๒๐๐ กว่าคน ท่านให้การอบรมในเรื่องธรรมะ ให้นักโทษคิดดีและทำดี ขณะที่ท่านอบรมนั้น พ่อท่านให้ทำงาน ทำประโยชน์ให้กับวัดด้วย โดยขุดสระน้ำในวัด แล้วนำดินนั้นมาถมพื้นวัด ทำให้พื้นสูงกว่าระดับเดิมถึง ๒ เมตร สระน้ำที่นักโทษขุดนั้นเรียกว่า “สระนักโทษ” และพ่อท่านยังได้พานักโทษ เข้าไปหาไม้ในป่าพรุมาทำเสนาสนะภายในวัด ทางที่พ่อท่านพาเข้าไปหาไม้นั้นเรียกกันว่า “ทางนักโทษ” พ่อท่านจะให้นักโทษกลับบ้านเป็นครั้งคราว โดยให้กลับเดือนละ ๑-๒ ครั้ง แล้วแต่กรณี หรือถ้าจะมอบหมายให้นักโทษไปทำธุระเรื่องงาน พ่อท่านจะมอบบัตรให้ ด้านหน้ามีข้อความว่า “ พระครูมุ่ย จนฺทสุวณฺโณ เจ้าอาวาสวัดป่าระกำเหนือ เจ้าคณะตำบล อำเภอปากพนัง” ด้านหลังมีข้อความว่า “ วันที่ ๑๓ ม.ค. พ.ศ. ๒๓๙๙ อาศัยหนังสือบังคับการตำรวจภูธรภาค ๘ ลงวันที่ ๒๔ ส.ห. (สิงหาคม) พ.ศ.๙๙ ด้วยให้นายรัน พลรัตน์ ไปตามนายหรบ ขอให้เจ้าหน้าที่จงได้ความปลอดภัยแก่ นายรันและนายหรบ ซึ่งเดินทางไปหาอาตมาที่วัดป่าระกำล่าง(เหนือ) ใช้ได้ตั้งแต่วันที่๑๓–๑๘ พ.ศ.๙๙ พ้นจากนี้ขอให้เจ้าหน้าที่จับกุมได้ ม.ให้ทำการต่อหนังสือต่อไป ๗ วัน ม. ” พ่อท่านมุ่ย มีความสามารถ มีเวทมนต์คาถาสะกดนักโทษได้ พ่อท่านรับรองกับทางราชการว่าไม่ให้นักโทษหนี เคยมีนักโทษคิดจะหนี แต่แล้วก็เดินวนเวียนอยู่ในวัดหนีไปไม่ได้ พ่อท่านมุ่ยจึงควบคุมนักโทษได้ด้วยคาถาอาคมที่เข้มขลัง พ่อท่านมุ่ยคลอดบุตรด้วยน่อง พ่อท่านมุ่ยมีวิทยาคม ด้านการคลอดบุตร ในอดีตแม่คลอดบุตรเป็นเรื่องเสี่ยงต่อชีวิตแม่และลูก บางครั้งแม่ตาย บางครั้งลูกตาย เพราะการแพทย์ยังไม่เจริญ พ่อท่านมุ่ยเรียนวิชานี้เพื่อต้องการช่วยแม่ที่คลอดบุตรยาก ปรากฏว่าได้ช่วยคนมามาก การคลอดบุตรด้วยน่องด้านขวา คนคลอดอยู่ที่บ้าน แต่พ่อท่านอยู่ที่วัด ก่อนที่จะคลอด พ่อท่านจะถามผู้ที่มาหาว่า ผู้หญิงที่จะคลอดหันหัวไปทางทิศไหน แล้วพ่อท่านจะนอนหันหัวไปทางทิศเดียวกับคนคลอด แล้วพ่อท่านทำ “อาคม” ใส่ที่น่องของพ่อท่าน แล้วน่องของพ่อท่านจะเจ็บปวดมีอาการพลิกตัวไปมาเหมือนกับคนคลอดจริง หลังจากนั้นอาการปวดที่น่องเริ่มทุเลาลงเรื่อยๆ จนปกติ แล้วพ่อท่านบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคลอดเรียบร้อยแล้ว เมื่อผู้มาหาพ่อท่านกลับไปถึงบ้านผู้หญิงคนนั้นคลอดแล้วจริงๆ หลังจากนั้นพ่อท่านก็เอาน้ำมาอาบน่องของท่าน เหมือนกับอาบน้ำผู้คลอดตามปกติ ไม่มีผู้ใดที่คลอดยากแล้ว มาหาพ่อท่านแล้วคลอดไม่ออก “อาคม”นี้ พ่อท่านปฏิบัติได้โดยไม่ต้องสรงน้ำ ถ้าสรงน้ำจะถืออาคมนี้ไม่ได้ เมื่อถือ “อาคม” นี้แล้ว เป็นลักษณะพิเศษอย่างหนึ่ง คือ กลิ่นกายของพ่อท่านไม่มี และถ้าเดินทางผ่านหญ้ารกๆ หรือต้นกล้าข้าว ปรากฏว่าหญ้ารกๆ หรือต้นกล้าข้าวจะเฉาแดงเท่าทางเดินของพ่อท่าน ต่อมาภายหลังพ่อท่านก็หยุดทำ “อาคม”นี้ เนื่องจากชราภาพ ไม่สามารถที่จะทนความเจ็บปวดได้ อีกทั้งมีแพทย์แผนปัจจุบันทันสมัยแล้ว แต่พ่อท่านได้มีอาคมของท่านไว้ในลูกอมชานหมากที่ทำด้วยชานหมาก ถ้าจะคลอดก็ใช้ลูกอมชานหมากนี้ใส่ลงในน้ำดื่ม โดยอธิษฐานจิตถึงบารมีของพ่อท่าน ให้พ่อท่านช่วยเหลือในการคลอดครั้งนี้ พ่อท่านมุ่ย กับพิธีพุทธาภิเษก องค์พ่อจตุคามรามเทพรุ่นปี ๒๕๓๐ พ่อท่านมุ่ยเป็นพระเกจิอาจารย์ในพิธีกรรมพุทธาภิเษก องค์พ่อจตุคามรามเทพ รุ่นปี ๒๕๓๐ เกือบทุกขั้นตอน ไม่ว่าในทะเลหรือบนบก โดยทำพิธีร่วมกับ พระคณาจารย์สำนักเขาอ้อ คือ ๑.พระครูกาชาด วัดดอนศาลา, ๒.พระครูศิริวัฒนาการ (ศรีเงิน) วัดดอนศาลา, ๓.พระครูพิพิธวรกิจ (คล้อย) วัดภูเขาทอง และ๔.พระครูอดุลย์ธรรมกิตติ (กลั่น) วัดเขาอ้อ พระคณาจารย์ดังของนครศรีธรรมราช คือ ๑.พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง ๒.หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ ๓.พ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ ๔.พ่อท่านมุ่ยวัดป่าระกำเหนือ ผู้ที่ไปนิมนต์มาในพิธีคือ ขุนพันธรักษ์ราชเดช และนายเอนก สิทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชในขณะนั้น ลักษณะเด่นของพ่อท่านมุ่ย ๑. พระนักเทศน์ อบรมสั่งสอน ๒. พระนักพัฒนา ๓. พระนักการศึกษา ๔. พระนักปกครอง ๕. พระหมอยา แพทย์แผนไทย ๖. พระผู้เก่งกล้าคาถาเวทมนต์ ๗. พระผู้มีวาจาสิทธิ์ ยึดมั่นในสัจจะอธิษฐาน ๘. พระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัยยิ่งนัก จากลักษณะเด่นของพ่อท่านมุ่ย ทำให้ผู้ที่เคยได้พบท่าน จะให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใส พ่อท่านมุ่ยมาก เมื่อได้เห็นในปฏิปทาของท่านแล้วประทับใจ พ่อท่านมุ่ย มีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก ไม่จับต้องเงินทอง ไม่สะสมสมบัติของมีค่า ในกุฏิของท่านจึงไม่มีของมีค่าอะไรเลย ใครถวายอะไรให้ท่าน หากมีคนอื่นมาขอต่อท่านก็จะยกให้ทันทีโดยไม่มีความเสียดายอะไรทั้งสิ้น นอกจากนี้ พ่อท่านมุ่ย ยังฉันเอกา (มื้อเดียวใน ๑ วัน) ฉันรวม โดยเอากับข้าวต่างๆ ที่ชาวบ้านนำมาถวายที่วัดอย่างละนิดอย่างละหน่อย เอามารวมในจานข้าว แล้วคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน แล้วจึงฉันแต่พออิ่ม พ่อท่านมุ่ยนับเป็นพระเถระที่มากด้วยเมตตาบารมีลำเลิศของภาคใต้ ที่ประพฤติพรหมจรรย์ มั่นคงยาวนานปี ศีลาจารวัตรเรียบร้อย เป็นที่เคารพนับถือของญาติมิตรและศิษยานุศิษย์ ตลอดจนบุคคลทั่วไป นับเป็นพระสุปฏิปันโนรูปหนึ่งของเมืองนครศรีธรรมราช ที่ทรงคุณธรรม อย่างสูงส่ง มีอัธยาศัยโอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนทุกระดับชั้น เพราะเหตุนี้เองชาวบ้านจึงขนานนามให้ท่านเปรียบเสมือน “เอกองค์อริยสงฆ์แห่งทักษิณ” อย่างแท้จริง มหัศจรรย์ ถ่ายรูปพ่อท่านไม่ติด ถ้าใครจะถ่ายรูปของพ่อท่านมุ่ยไปไว้สักการะเคารพบูชา จะต้องบอกหรือขออนุญาตต่อพ่อท่านเสียก่อน มิฉะนั้นจะถ่ายรูปพ่อท่านไม่ติด แม้จะมีฝีมือถ่ายภาพดีเพียงใด ปรากฏการณ์มีมาหลายครั้งแล้ว การดำเนินชีวิตของพ่อท่านมุ่ย พ่อท่านได้กำหนดช่วงของการดำเนินชีวิตไว้ ๓ ช่วง อายุ ๑-๓๐ ปี เป็นเรื่องของปฏิยัติศึกษาหาความรู้ให้มาก และสอน บอกให้ผู้อื่นรู้ด้วย อายุ ๓๑-๖๐ ปี เป็นเรื่องของการปฏิบัติ คือทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี นำความรู้ที่ได้เรียนมาปฏิบัติให้เกิดประโยชน์มากที่สุด อายุ ๖๑ ปีขึ้นไป (๖๑-๙๓ปี) เป็นเรื่องของปฏิเวธเสวยผลของการปฏิบัติ วัตถุมงคลของพ่อท่านมุ่ย พ่อท่านมุ่ยผู้เชี่ยวชาญด้านผงปถมัง ผงปถมังได้มาจากการเขียน “นะปถมังพินธุ” แล้วลบออก ผงที่ได้จากการลบนะปถมังพินธุ คือ ผงปถมัง นะปถมังพินธุ นอกจากจะเรียก นะปฐมกัปป์แล้ว ยังมีชื่อเรียกอย่างอื่นอีก เช่น นะทรงแผ่นดินบ้าง นะตัวต้นบ้าง หรือนะปัดตลอดบ้าง นะทุกตัวที่โบราณาจารย์ท่านประดิษฐ์ขึ้นนั้น เป็นอักขระวิเศษอย่างหนึ่งจะว่ายันต์ก็ไม่ใช่ ตัวนะประกอบด้วยส่วนสำคัญ ๕ ประการคือ พินธุ ทัณฑะ เภทะ อังกุ และสิริ นะปถมังต้องลงตามสูตรที่ละขั้นตอน เรียกว่า “สูตรปถมัง” เมื่อลงขั้นตอนใด ต้องว่าคาถาของขั้นตอนนั้น แล้วเสกคาถากำกับตัวที่ลงไว้อีกที จนกระทั่งครบสูตรปถมัง ตอนลบต้องว่าคาถาไปด้วย พ่อท่านมุ่ยศึกษาวิชาทำผงปถมังจนมีความเชี่ยวชาญ ในการทำผงปถมัง ท่านใช้ความมานะพยายามเขียนสูตรปถมัง แล้วลบออกมาเป็นผงอยู่นานถึง ๑๐ กว่าปี ทุ่มเททั้งพลังกายและพลังใจอย่างเต็มที่ (วิชาเอกนี้แม้แต่ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ซึ่งสำเร็จวิชาเดียวกัน ยังยอมรับนับถือว่า เป็น ๑ ไม่เป็นรองใคร) เมื่อได้ผงปถมังมากพอจะนำมาสร้างเป็นพระเครื่อง พ่อท่านมุ่ยก็เอาผงวิเศษที่ทำขึ้นล้วนๆ พ่อท่านมุ่ยทำผงปถมังใช้กระดานหนา ๖ หุน เสกคาถาลงอักขระ ทำผงปถมัง ปรากฏว่า ผงปถมัง ทะลุกระดานหายไปหมดไม่ได้ผงปถมังสักนิดเดียว พ่อท่านมุ่ยจึงได้ไปปรึกษากับพ่อท่านหมุน ซึ่งเป็นเกลอของท่านที่จังหวัดพัทลุง พ่อท่านหมุนบอกว่าให้เอาใบกล้วยทองลงยันต์ผูกธรณีจึงจะได้ผงปถมัง หลังจากนั้นจึงกลับมาทำผงปถมัง ได้ผงปถมังมากมาย ผงปถมัง พ่อท่านมุ่ยไม่ได้ทำเพียงคนเดียว ขณะนั่งเสกคาถาอยู่นั้นจะมีเทวดามาร่วมอยู่ด้วย และยื่นผงปถมังให้ ผงปถมังของพ่อท่านมุ่ย จึงเป็นผงปถมังของเทวดารวมอยู่ด้วย เมื่อได้ผงปถมัง ด้วยอำนาจแห่งพลังจิตของพ่อท่านแล้ว จึงนำไปสร้างเป็นองค์พระ ปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง จึงจะเสร็จสมบูรณ์จริงๆ จะเห็นได้ว่า พิธีกรรมสร้างพระของ พ่อท่านมุ่ย นั้นไม่ธรรมดาเลย พระของท่านจึงทรงไว้ซึ่งความขลังและศักดิ์สิทธิ์สุดพรรณนา พระที่พ่อท่านมุ่ยสร้างขึ้นมารุ่นแรก เป็นพิมพ์พระปิดตา หลังจากแกะพระออกจากพิมพ์ก็จะเอามาตกแต่งให้ดูเรียบร้อยสวยงามแล้วจึงปลุกเสกให้เกิดพุทธานุภาพสูงสุด การปลุกเสกพระปิดตาของพ่อท่านมุ่ยทำการปลุกเสกเดี่ยว ซึ่งตามแบบพระเกจิอาจารย์ทางภาคใต้ถือว่า ถ้าไม่แน่จริงก็ไม่ปลุกเสกองค์เดี่ยว แสดงว่าพ่อท่านมุ่ยมั่นใจในพระปิดตาของท่านมาก การปลุกเสกก็มิใช่กระทำกันแค่ ๓ วัน ๗ วัน แต่ท่านใช้เวลาปลุกเสกอยู่หลายปี ก่อนจะนำออกมาแจกจ่ายให้บรรดาศิษย์และญาติโยม โดยไม่ได้หวังค่าตอบแทนแต่ประการใด “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “ |
หมวดหมู่ | พระปิดตา |
ร้านพระ | โชคเจริญทรัพย์ |
เบอร์โทรศัพท์ | 0866278195 ID LINE 0866278195 |
เมื่อวันที่ | 2023-03-12 |
ยอดเข้าชม | 463 ครั้ง |
สถานะ | โชว์พระ |